ในยุคที่ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทย การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเปิดโอกาสทางการเงินใหม่ๆ แต่ยังมีข้อกฎหมายและข้อกำหนดที่นักลงทุนต้องพิจารณา ภาษีคริปโต ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ลงทุนทุกคนควรทราบและปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับภาษีคริปโตในประเทศไทยอย่างละเอียด พร้อมทั้งตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ภาษีคริปโตในประเทศไทยคืออะไร?
ภาษีคริปโต หมายถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) หรือคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), และ USDT โดยทางกรมสรรพากรของประเทศไทยได้กำหนดให้รายได้หรือกำไรจากการลงทุนในคริปโตต้องเสียภาษีเหมือนรายได้ประเภทอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยประเภทภาษีดังนี้:
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) – ภงด. 90/91 ใช้สำหรับรายได้ทั่วไป เช่น กำไรจากการขายคริปโต รายได้จากการขุด หรือผลตอบแทนจากการลงทุน
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – ภาษีนี้อาจถูกเรียกเก็บในกรณีที่ธุรกรรมไม่ได้ดำเนินการผ่าน Exchange ที่ได้รับอนุญาต
- อากรแสตมป์ (Stamp Duty) – ใช้สำหรับการทำสัญญาหรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมคริปโต (ถ้ามี)
สำหรับนักลงทุนรายบุคคล การยื่น ภาษีเงินได้ จะเป็นประเด็นหลัก โดยต้องคำนวณกำไรจากการซื้อขายและรายได้ที่เกิดขึ้นจากคริปโต รวมถึงการขุดคริปโตและรายได้จากการรับผลตอบแทน (Yield) จากสินทรัพย์ดิจิทัล
วิธีคำนวณภาษีคริปโต
การคำนวณภาษีสำหรับคริปโตในประเทศไทย มีวิธีที่ต้องเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง โดยมีหลักการดังนี้:
- กำไรจากการขายคริปโต: หากคุณซื้อคริปโตมาในราคา 1,000 บาท และขายในราคา 1,500 บาท กำไร 500 บาทนี้จะต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี (ภงด. 90/91)
- รายได้จากการขุด (Mining): รายได้ที่เกิดจากการขุดคริปโตต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกับรายได้ทั่วไป และต้องยื่นในแบบฟอร์ม ภงด. 90/91
- ผลตอบแทนจากการลงทุน (Staking/Interest): รายได้จากการได้รับผลตอบแทน เช่น การฝากเหรียญเพื่อรับดอกเบี้ย ก็ถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีในแบบฟอร์มเดียวกัน
ตัวอย่างการเสียภาษีคริปโต
ตัวอย่างที่ 1: กำไรจากการขายคริปโต
- คุณซื้อ Bitcoin (BTC) ในราคา 100,000 บาท และขายในราคา 150,000 บาท
- กำไรที่ได้ = 150,000 − 100,000 = 50,000 บาท
- กำไร 50,000 บาทนี้จะต้องนำมารวมในรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด. 90/91)
ตัวอย่างที่ 2: รายได้จากการขุดคริปโต
- คุณขุด Ethereum (ETH) ได้ 1 เหรียญ มูลค่า 70,000 บาท
- รายได้นี้จะถูกนับเป็นรายได้ทั่วไป และต้องเสียภาษีตามฐานเงินได้บุคคลธรรมดา โดยยื่นในแบบฟอร์ม ภงด. 90/91
ตัวอย่างที่ 3: ผลตอบแทนจากการ Staking
- คุณนำเหรียญ USDT ไป Staking และได้รับผลตอบแทน 2,000 บาท
- รายได้จากการ Staking 2,000 บาทนี้ต้องถูกรวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีในปีนั้น
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการยื่นภาษีคริปโต
- ยื่นภาษีออนไลน์: นักลงทุนสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากรได้ โดยต้องกรอกข้อมูลรายได้ทั้งหมดจากการลงทุนคริปโต
- ลิ้งค์ข้อมูลเพิ่มเติม: ระบบ e-Filing
- เอกสารที่ต้องเตรียม:
- หลักฐานการซื้อขาย เช่น Statement จาก Exchange (แพลตฟอร์มซื้อขาย)
- บันทึกรายการที่แสดงถึงรายได้จากการขุดหรือผลตอบแทน
- เสียภาษีล่าช้า: หากนักลงทุนไม่ยื่นภาษีหรือยื่นล่าช้า จะต้องเสียค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- ลิ้งค์ข้อมูลเพิ่มเติม: ข้อกำหนดกรมสรรพากร
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนคริปโต
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดที่ไม่ได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลังอาจต้องเสีย VAT
- ตรวจสอบสถานะของ Exchange: ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น Binance Thailand หรือ Bitkub
- การป้องกันปัญหาภาษีในอนาคต: นักลงทุนนอกจากต้องเก็บเอกสารอย่างครบถ้วนแล้ว ควรมีการวางแผนทางการเงินเพื่อจัดสรรเงินสำหรับภาษีอย่างเหมาะสม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีคริปโต
- การซื้อคริปโตเพื่อถือระยะยาวต้องเสียภาษีหรือไม่?
- หากไม่มีการขายหรือรายได้ที่เกิดขึ้นจากคริปโต การถือครองอย่างเดียวไม่ต้องเสียภาษี
- รายได้จากการขุดต้องเสียภาษีอย่างไร?
- รายได้จากการขุดจะต้องคำนวณและยื่นเป็นรายได้ทั่วไป โดยเสียภาษีตามฐานเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด. 90/91)
- แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตส่งผลต่อภาษีหรือไม่?
- การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตอาจมีความเสี่ยงทั้งทางกฎหมายและภาษี ควรหลีกเลี่ยง
- ต้องยื่นภาษีทุกปีหรือไม่?
- ใช่ หากมีรายได้จากการลงทุนคริปโตในปีนั้นๆ คุณต้องยื่นภาษี
- สามารถลดหย่อนภาษีได้หรือไม่?
- รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคริปโต เช่น ค่าธรรมเนียม อาจสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
บทสรุป
ภาษีคริปโตในประเทศไทย เป็นหัวข้อที่นักลงทุนทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจากกฎหมายภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเข้าใจวิธีคำนวณและการยื่นภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยลดปัญหาและภาระที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและข้อกำหนดใหม่ๆ จากกรมสรรพากรเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม
- วันที่ยื่นภาษี: ต้องยื่นภาษีประจำปีภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
ใบกำกับภาษี: หากคุณเป็นนักลงทุนมืออาชีพ ควรจัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนให้ครบถ้วน
ภาษีคริปโตในประเทศอื่น: การเปรียบเทียบภาษีคริปโตในประเทศอื่นอาจช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยได้ดีขึ้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง