เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 Rashawn Russell อดีตนายธนาคารของ Deutsche Bank ถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 41 เดือน ฐานฉ้อโกงนักลงทุนในโครงการคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมสั่งให้ชดใช้ 1.5 ล้านดอลลาร์ ให้แก่เหยื่อ
Russell ได้ดำเนินโครงการลงทุน R3 Crypto Fund ระหว่างปี 2020-2022 โดยหลอกลวงให้นักลงทุนส่ง Bitcoin (BTC) และ Ether (ETH) รวมถึงเงินสดเข้าสู่กองทุน พร้อมสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 25% แต่แทนที่จะนำเงินไปลงทุนตามที่กล่าวอ้าง เขากลับนำเงินไปใช้ส่วนตัวและนำเงินจากนักลงทุนรายใหม่ไปจ่ายคืนให้รายเก่า ซึ่งเป็นกลโกงแบบ Ponzi Scheme
รายละเอียดการฉ้อโกงและบทลงโทษ
Russell ใช้เอกสารทางการเงินปลอมเพื่อหลอกให้เหยื่อเชื่อว่าการลงทุนมีกำไร และขยายเครือข่ายนักลงทุนเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาดำเนินโครงการ ในปี 2023 เขายอมรับผิดในข้อหาฉ้อโกงทางสาย (Wire Fraud) ซึ่งมีโทษสูงสุดถึง 30 ปี แต่ศาลตัดสินจำคุก 41 เดือน และสั่งให้จ่ายเงินชดใช้ 1.5 ล้านดอลลาร์
บทบาทของ CFTC และการบังคับใช้กฎหมาย
คดีนี้ได้รับการดำเนินการโดย กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) และ คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่คอยตรวจสอบการฉ้อโกงในตลาดคริปโต
CFTC ระบุว่า Russell หลอกลวงนักลงทุนไม่น้อยกว่า 29 ราย และขณะนี้มีคำสั่งให้ชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
การฉ้อโกงในตลาดคริปโต: บทเรียนสำหรับนักลงทุน
คดีของ Russell ถือเป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนถึงความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนควร ตรวจสอบประวัติของผู้จัดการกองทุนและความถูกต้องของข้อมูลก่อนลงทุน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของกลโกงในรูปแบบ Ponzi Scheme
บทสรุป
การตัดสินโทษ Rashawn Russell แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของหน่วยงานกำกับดูแลในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินในตลาดคริปโต การฉ้อโกงในลักษณะนี้ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรม นักลงทุนควรระมัดระวังและใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เสมอ
🔗 แหล่งที่มา: Cryptopolitan
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง