ฮ่องกงเสนอร่างกฎหมายกำกับดูแล Stablecoin ต่อสภานิติบัญญัติ

5

ฮ่องกงกำลังก้าวไปสู่การกำกับดูแล Stablecoin อย่างเป็นทางการ โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม ร่างกฎหมายนี้ได้ถูกส่งต่อไปยังสภานิติบัญญัติของฮ่องกงเพื่อพิจารณาในวาระแรก

 ฮ่องกงเสนอร่างกฎหมายกำกับดูแล Stablecoin ต่อสภานิติบัญญัติ

รายละเอียดสำคัญของร่างกฎหมาย

ร่างกฎหมายนี้มีองค์ประกอบหลักสามประการ ได้แก่ การกำหนดใบอนุญาตและข้อกำหนดสำหรับผู้ออก Stablecoin การจำกัดการเสนอขายและการตลาดของ Stablecoin และการคุ้มครองผู้บริโภคในวงกว้าง

หากร่างกฎหมายนี้ผ่านการอนุมัติ ผู้ออก Stablecoin ในฮ่องกงจะต้องได้รับใบอนุญาตจาก Hong Kong Monetary Authority (HKMA) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของภูมิภาค โดยผู้ออกจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ครอบคลุมเพื่อให้ได้รับใบอนุญาต

หน่วยงานกำกับดูแลจะประเมินผู้ออกและผู้ควบคุมทรัพยากร Stablecoin ทรัพย์สินสำรอง และกลไกที่ใช้ในการรักษาเสถียรภาพของมูลค่า นอกจากนี้ เฉพาะหน่วยงานและแพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เสนอหรือทำการตลาด Stablecoin ต่อสาธารณชนในฮ่องกง

ร่างกฎหมายนี้ยังมีการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีผลต่อผู้เข้าร่วมตลาดต่าง ๆ รวมถึงผู้ออกและผู้จัดจำหน่าย Stablecoin

ผลกระทบต่อภูมิภาคอื่น ๆ

หากร่างกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ฮ่องกงอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในการใช้ Stablecoin ที่คล้ายกับที่เกิดขึ้นในยุโรปเมื่อกฎระเบียบ Markets in Crypto-Assets (MiCA) มีผลบังคับใช้

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม บริษัทวิจัย Kaiko และ Bitvavo ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายคริปโตในเนเธอร์แลนด์ รายงานว่าการนำ MiCA มาใช้ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ Stablecoin ในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ

ในขณะที่ผู้ออกบางราย เช่น Tether ได้ยุติการให้บริการ Stablecoin ที่ผูกกับยูโร ผู้ออกที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบกลับเติบโตขึ้น โดยในเดือนพฤศจิกายน Stablecoin ที่ปฏิบัติตาม MiCA ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 91% โดยมี Circle, Societe Generale และ Banking Circle เป็นผู้นำตลาด

สรุป

การเสนอร่างกฎหมายกำกับดูแล Stablecoin ของฮ่องกงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและส่งเสริมการพัฒนาตลาดการเงินดิจิทัลในภูมิภาค

แหล่งที่มา: cointelegraph.com


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นยังสงวนท่าทีเรื่องการถือครอง Bitcoin เป็นทุนสำรอง
บทความถัดไปLayer 2 คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ Layer 2 ในโลกของ Cryptocurrency และ Blockchain