เกาหลีใต้สั่งตลาดคริปโทชดเชยนักลงทุน หลังการหยุดชะงักจากกฎอัยการศึก

5

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2024 เกิดความปั่นป่วนในตลาดคริปโทของเกาหลีใต้ หลังประธานาธิบดี Yoon Suk Yeol ประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยไม่คาดคิด ส่งผลให้บริการของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทชั้นนำ เช่น Upbit และ Bithumb หยุดชะงัก และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุน ราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) ดิ่งลงมากถึง 32% ภายในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากการเทขายที่เกิดจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์

เกาหลีใต้สั่งตลาดคริปโทชดเชยนักลงทุน

ผลกระทบของการหยุดชะงักในตลาดคริปโท

ตามรายงานของ Upbit พบว่าจำนวนผู้ใช้งานพร้อมกันพุ่งสูงจาก 100,000 คนเป็น 1.1 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Bithumb และ Coinone ก็รายงานตัวเลขผู้ใช้งานพร้อมกันที่มากกว่า 500,000 คน เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดปัญหาทางเทคนิค เนื่องจากระบบไม่สามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันในระดับที่สูงเช่นนี้

นักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการซื้อขายและความผิดพลาดของระบบต่างแสดงความไม่พอใจ และมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน

มาตรการชดเชยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโทเกาหลีใต้

Upbit ประกาศว่าพวกเขาจะชดเชยผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบเป็นเงินรวม 3.14 พันล้านวอน (ประมาณ 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นกรณีการชดเชยจำนวน 596 กรณี ในขณะที่ Bithumb จะชดเชยผู้ใช้งานเป็นเงินรวม 377.5 ล้านวอน (ประมาณ 262,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับ 124 กรณี โดยการชดเชยครั้งนี้ถือเป็นมาตรการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดคริปโทในเกาหลีใต้

คำกล่าวจากหน่วยงานกำกับดูแล

หน่วยงานการเงินของเกาหลีใต้ ระบุว่าการหยุดชะงักครั้งนี้สะท้อนถึงช่องว่างในระบบโครงสร้างพื้นฐานของตลาดคริปโท “เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงมาตรการป้องกันและความพร้อมรับมือกับวิกฤตในอนาคต” แหล่งข่าวจากหน่วยงานการเงินให้ความเห็น

มาตรการป้องกันในอนาคต

เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ตลาดคริปโทในเกาหลีใต้ได้กำหนดให้แพลตฟอร์มขยายเซิร์ฟเวอร์ ย้ายระบบไปยังคลาวด์ และปรับปรุงแผนการตอบสนองฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม เป็นต้นมา หน่วยงานกำกับดูแลยังได้เริ่มตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้

บทสรุป

เหตุการณ์การหยุดชะงักครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและความโปร่งใสในอุตสาหกรรมคริปโท แม้ว่าการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความรับผิดชอบของแพลตฟอร์ม แต่สิ่งนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบเพื่อให้มั่นใจว่าตลาดคริปโทสามารถรับมือกับสถานการณ์วิกฤตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งที่มา: Crypto Intelligence


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้Crypto Czar ปฏิเสธการจัดกลุ่ม Meme Coins เป็นสินทรัพย์หลักทรัพย์
บทความถัดไปChain เตรียมฟ้องร้อง Justin Sun กรณีปั่นราคาตลาดคริปโต