บริษัท MicroStrategy ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการลงทุนในบิทคอยน์มากที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญเกี่ยวกับภาษีที่อาจเกิดขึ้นตามกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ที่บังคับใช้ภาษีขั้นต่ำ 15% สำหรับรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่ากำไรดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นจริง
การเปลี่ยนแปลงที่กระทบหนักต่อ MicroStrategy
ปัจจุบัน MicroStrategy ถือครองบิทคอยน์ประมาณ 47,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนต่างกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงอยู่ที่ 18,000 ล้านดอลลาร์ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกกฎหมาย Inflation Reduction Act ส่งผลให้บริษัทที่มีกำไรในลักษณะนี้ต้องชำระภาษีขั้นต่ำทางเลือก (Corporate Alternative Minimum Tax) ที่คำนวณจากรายได้ที่ปรับปรุงตามมาตรฐานการบัญชีทั่วไป (GAAP)
นี่หมายความว่า MicroStrategy อาจถูกบังคับให้ชำระภาษีจากกำไรของบิทคอยน์ที่ยังไม่ได้ขายหรือแปลงเป็นเงินสด ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับบริษัทที่มีแผนลงทุนระยะยาว
คำถามจากนักลงทุนและการตอบสนองของบริษัท
MicroStrategy กำลังอยู่ในกระบวนการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านภาษี โดยมุ่งหวังให้มีการยกเว้นสำหรับกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นเดียวกับที่มีการยกเว้นสำหรับหุ้นและหลักทรัพย์อื่น ๆ
Robert Willens ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีระบุว่า “ยังไม่มีการรับรองว่าหน่วยงานด้านภาษีจะพิจารณายกเว้นกำไรจากคริปโทเคอร์เรนซี แต่การตัดสินใจดังกล่าวอาจช่วยลดแรงกดดันต่อ MicroStrategy ได้อย่างมาก”
ผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุนในบิทคอยน์
กลยุทธ์หลักของ MicroStrategy คือการสะสมบิทคอยน์ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากบริษัทต้องชำระภาษีจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง บริษัทอาจต้องพิจารณาขายบิทคอยน์บางส่วนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการชำระภาษี ซึ่งจะขัดกับเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการเก็บบิทคอยน์ไว้ในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชีโดย FASB ในปีนี้ ที่กำหนดให้รายงานมูลค่าตลาดยุติธรรมของบิทคอยน์ในงบการเงิน อาจยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ MicroStrategy ในการรายงานกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และอาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติม
บทสรุป
การที่ MicroStrategy เผชิญกับข้อกำหนดภาษีใหม่นี้เป็นสัญญาณเตือนสำหรับบริษัทที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก นักวิเคราะห์มองว่าผลการตัดสินใจของกรมสรรพากรสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อวิธีการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต และสร้างความท้าทายใหม่ในอุตสาหกรรม
แหล่งที่มา: Seeking Alpha
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง