Peter Schiff วิจารณ์กลไก Proof of Work ของบิทคอยน์: ใช้พลังงานมากเกินและไม่ยั่งยืน

2

Peter Schiff นักลงทุนและนักวิจารณ์บิทคอยน์ชื่อดัง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กลไก Proof of Work (PoW) ของบิทคอยน์อย่างรุนแรง โดยชี้ว่า PoW เป็นระบบที่ใช้พลังงานเกินความจำเป็นและไม่สามารถสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้

Peter Schiff วิจารณ์กลไก Proof of Work

กลไก Proof of Work และการใช้พลังงานมหาศาล

Schiff อธิบายว่า Proof of Work คือการใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อรักษาความปลอดภัยของบล็อกเชน แต่พลังงานเหล่านี้ไม่ได้สร้างมูลค่าแท้จริงให้กับระบบ” เขาเน้นว่าการขุดบิทคอยน์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาลที่อาจมาจากแหล่งพลังงานที่ไม่สะอาด

ในมุมมองของ Schiff การใช้พลังงานเพื่อขุดบิทคอยน์นั้นไม่เพียงแต่สิ้นเปลือง แต่ยังเพิ่มต้นทุนให้กับระบบโดยรวม

ความยั่งยืนของบิทคอยน์ในระยะยาว

Schiff ตั้งคำถามถึง ความยั่งยืนของบิทคอยน์ ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องพึ่งพาระบบ PoW เขาชี้ว่าบิทคอยน์ไม่มีมูลค่าภายในตัวเอง และต้องอาศัยการขุดที่ใช้พลังงานสูงเพื่อรักษามูลค่าเอาไว้

“หากไม่มีการขุด บิทคอยน์จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ และนี่คือจุดอ่อนที่ทำให้มันไม่สามารถเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ยั่งยืนได้” Schiff กล่าว

การเปรียบเทียบกับทองคำ

ในฐานะผู้สนับสนุนการลงทุนในทองคำ Schiff ได้เปรียบบิทคอยน์กับทองคำ โดยเขาชี้ว่าทองคำมี “มูลค่าที่แท้จริง” และไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากมายในการรักษามูลค่า “ทองคำยังคงเป็นที่ยอมรับในฐานะสินทรัพย์ที่มั่นคงและยั่งยืนกว่า”

เสียงตอบรับจากชุมชนคริปโต

ความคิดเห็นของ Schiff ได้รับการตอบสนองทั้งในแง่บวกและลบจากชุมชนคริปโต หลายคนมองว่า “การใช้พลังงานใน PoW เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของเครือข่าย” ขณะที่บางคนเห็นด้วยกับความกังวลเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม

บทสรุป

คำวิจารณ์ของ Peter Schiff สะท้อนถึงความท้าทายของบิทคอยน์และระบบ Proof of Work ในการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว แม้ว่าความนิยมของบิทคอยน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประเด็นเรื่องพลังงานและมูลค่าภายในยังคงเป็นหัวข้อสำคัญในวงการคริปโต

แหล่งที่มา: Investing.com


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้ตลาดคริปโตจับตาการประชุม FOMC: การตัดสินใจดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะกำหนดแนวโน้มครั้งสำคัญ
บทความถัดไปผลสำรวจของ CZ เผยพฤติกรรมนักลงทุนคริปโต: ถือครองคริปโตเกินครึ่งของพอร์ต