ตลาดมีมคอยน์กำลังเผชิญกับ แรงกดดันทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น หลังจากมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงใน ที่อาจละเมิดหลักการของตลาดเสรีในโลกคริปโต

Nic Carter หุ้นส่วนของ Castle Island Ventures แสดงความเห็นว่า “ยุคของมีมคอยน์กำลังสิ้นสุดลง” หลังจากเกิดกรณี LIBRA ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการ ปั่นราคาและฉ้อโกงนักลงทุน มูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เขาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “แน่นอนว่ามีมคอยน์จะไม่หายไปทั้งหมด แต่ยุคของการซื้อขายแบบไม่มีข้อจำกัดกำลังจะจบลง”
การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงในอาจถูกตรวจสอบ
Carter เตือนว่า “หน่วยงานกำกับดูแลกำลังจับตามองพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมในตลาดคริปโต โดยเฉพาะการซื้อขายวงในที่อาจทำให้เกิดความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม”
- มีกรณีที่นักลงทุนวงในสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ ทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมหาศาล
- กลุ่มเทรดเดอร์บางรายใช้ กลยุทธ์การเทขายก่อนที่โครงการจะล่มสลาย ทำให้นักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายเสียหาย
- การขาดกฎระเบียบที่ชัดเจนทำให้ตลาดมีความเสี่ยงสูง และเปิดโอกาสให้เกิด การโกงและปั่นราคา ได้ง่าย
LIBRA และผลกระทบต่อตลาดมีมคอยน์
กรณี LIBRA ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็น โครงการหลอกลวง ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดมีมคอยน์อย่างหนัก นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความโปร่งใสและจริยธรรมของโครงการเหล่านี้
Carter กล่าวเพิ่มเติมว่า “การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงในจะไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป และผู้ที่เกี่ยวข้องอาจต้องเผชิญกับผลทางกฎหมาย”
สรุป
แม้ว่ามีมคอยน์อาจไม่หายไปจากตลาด แต่ความนิยมและโอกาสในการทำกำไร อาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายวงในอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดนี้ และเป็น สัญญาณว่าอุตสาหกรรมคริปโตกำลังเข้าสู่ยุคที่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น
📌 แหล่งที่มา: Crypto.News
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง