เฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งผลสะเทือนต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

49

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.5% เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2024 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่มีการลดอัตราดอกเบี้ย โดยมุ่งหวังที่จะลดแรงกดดันทางการเงินและสนับสนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและตลาดการเงินโดยรวม

ฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี

การตัดสินใจของเฟด

เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจ ลดแรงกดดันทางการเงินในครัวเรือนและธุรกิจ และส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน”

พาวเวลล์เน้นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเฟดจะเปลี่ยนแนวทางเชิงรุก และจะยังคงติดตามสภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

ผลกระทบต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้รับผลกระทบทันที โดยราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักในตลาดคริปโต ลดลง 3.2% ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการประกาศ โดยราคาลดลงจาก $108,267 มาอยู่ที่ $103,989

นักวิเคราะห์ระบุว่าความผันผวนในตลาดคริปโตครั้งนี้เกิดจากการตอบสนองของนักลงทุนต่อการลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

การตอบสนองของตลาดการเงิน

นอกจากตลาดคริปโต ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการตอบสนองในทิศทางบวก โดยดัชนี Dow E-minis, S&P 500 E-minis และ Nasdaq 100 E-minis ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.2%-0.3%

นักลงทุนมองว่านโยบายการลดดอกเบี้ยของเฟดอาจช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงในระยะยาว

บทสรุป

การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดคริปโตและตลาดการเงิน โดยในระยะสั้น ตลาดคริปโตอาจเผชิญความผันผวนต่อไป แต่นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในระยะยาว นักลงทุนควรติดตามนโยบายของเฟดอย่างใกล้ชิดในปี 2025 เพื่อประเมินทิศทางของตลาด

แหล่งที่มา coin-turk.com


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้พาวเวลล์ย้ำ: เจ้าหน้าที่เฟดห้ามถือครองบิตคอยน์ แม้ทรัมป์เตรียมตั้งกองทุนสำรอง
บทความถัดไปBinanceUS เตรียมกลับมาให้บริการ USD ในปี 2025 หลังระงับการทำธุรกรรมจากแรงกดดัน SEC