เคนยาร่างกฎหมายควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี: มุ่งสร้างตลาดที่โปร่งใสและปลอดภัย

2

รัฐบาลเคนยาได้ร่างข้อเสนอกฎหมายเพื่อกำกับดูแลและควบคุม คริปโทเคอร์เรนซี ในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนการก่อการร้าย และการคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาสู่ระบบการเงินที่โปร่งใสและมีความปลอดภัยมากขึ้น

เคนยาร่างกฎหมายควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี

เนื้อหาของร่างกฎหมาย

ข้อเสนอที่มีชื่อว่า “นโยบายแห่งชาติว่าด้วยสินทรัพย์เสมือนและผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน” (National Policy on Virtual Assets and Virtual Asset Service Providers) มีเป้าหมายเพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมสำหรับ สินทรัพย์เสมือน (Virtual Assets – VAs) และ ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASPs) ร่างนโยบายนี้มุ่งเน้นไปที่การจัดตั้งมาตรฐานและข้อกำหนดทางกฎหมายที่ช่วยให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์เสมือนเป็นไปอย่างยุติธรรม มีความปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

“การมีนโยบายที่ชัดเจนและครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์เสมือนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ” เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลเคนยากล่าวในแถลงการณ์

การเปิดรับความคิดเห็นจากสาธารณะ

รัฐบาลเคนยาได้เปิดรับความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับร่างนโยบายนี้จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2025 เพื่อให้มั่นใจว่ากฎหมายดังกล่าวจะตอบสนองต่อความต้องการและความกังวลของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี หากร่างนโยบายได้รับการอนุมัติ เคนยาจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคแอฟริกาที่มีการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนซีอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับ แอฟริกาใต้ และ ไนจีเรีย

ความกังวลของธนาคารกลางเคนยา

ในอดีต ธนาคารกลางเคนยา (CBK) ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการฉ้อโกง การขาดการคุ้มครองทางกฎหมาย และการใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การประเมินความเสี่ยงในเดือนกันยายน 2023 ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลเคนยาระบุว่า การกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพในตลาดดิจิทัล

สถานการณ์การใช้คริปโตในเคนยา

ตามรายงานของ Chainalysis ในปี 2024 เคนยาถูกจัดอันดับที่ 21 ของโลกในดัชนีการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะการทำธุรกรรมด้วย Stablecoins คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณธุรกรรมทั้งหมดในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา สาเหตุหลักมาจากความต้องการป้องกันผลกระทบจากการลดค่าเงินในภูมิภาค

ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2023 ถึงกรกฎาคม 2024 เคนยาได้รับมูลค่า Stablecoin รวมกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าไนจีเรียที่มีมูลค่า 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแอฟริกาใต้ที่ 13.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ความสำคัญของกฎหมายนี้ต่อภูมิภาคแอฟริกา

การร่างนโยบายนี้ของเคนยาเป็นการสะท้อนถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคแอฟริกา ที่ต้องการสร้างกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลก การจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซียังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดและเพิ่มโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

บทสรุป

กฎหมายควบคุมคริปโทเคอร์เรนซีของเคนยาเป็นการก้าวไปข้างหน้าสำหรับประเทศที่มองเห็นศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลในการพัฒนาเศรษฐกิจ แม้ว่าจะยังต้องเผชิญความท้าทายในด้านการกำกับดูแลและการบังคับใช้ แต่ความพยายามครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้างตลาดดิจิทัลที่โปร่งใส ปลอดภัย และมีความยั่งยืนในระยะยาว

แหล่งที่มา: Cointelegraph


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เตรียมบังคับผู้ให้บริการคริปโตชดเชยเหยื่อการหลอกลวง: มาตรการปกป้องผู้บริโภคที่อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรม
บทความถัดไปโรงกลั่นสุราคราฟต์สหรัฐฯ นำบิตคอยน์มาใช้เป็นสินทรัพย์คลังและช่องทางชำระเงิน