Matter Labs CEO ชี้ Zero-Knowledge Proofs เป็น ‘Endgame’ สำหรับการขยายขนาดบล็อกเชน

3

อเล็กซ์ กลูโชวสกี้ (Alex Gluchowski) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Matter Labs ได้แสดงความเห็นว่าเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proofs (ZK) จะเป็น “Endgame” หรือแนวทางสุดท้ายในการขยายขนาดของบล็อกเชน โดยเชื่อว่าโซลูชันนี้จะช่วยแก้ปัญหาด้าน ความเร็ว ค่าธรรมเนียม และความปลอดภัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Zero-Knowledge Proofs: ก้าวสำคัญของบล็อกเชนในอนาคต
Zero-Knowledge Proofs: ก้าวสำคัญของบล็อกเชนในอนาคต

Matter Labs เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง zkSync เครือข่าย Layer-2 ที่ใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proofs เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum

zkSync Era: zkEVM ตัวแรกที่เปิดให้ใช้งานสาธารณะ

Matter Labs ได้เปิดตัว zkSync Era ซึ่งเป็น zkEVM ตัวแรกที่เปิดให้สาธารณชนใช้งาน โดยโครงสร้างของ zkSync Era ออกแบบมาให้รองรับแอปพลิเคชันที่ใช้สัญญาอัจฉริยะบน Ethereum แต่สามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ

กลูโชวสกี้กล่าวว่า “การเปิดตัว zkSync Era ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมบล็อกเชน เนื่องจากเป็นโซลูชัน zkEVM ตัวแรกที่สามารถใช้งานได้จริงบนเครือข่าย Ethereum”

ความท้าทายของ Matter Labs และตลาด zkSync

แม้ว่าการเปิดตัว zkSync Era จะเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ แต่ Matter Labs ก็เผชิญกับความท้าทายเช่นกัน โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ ปรับลดพนักงานลง 16% เนื่องจากความต้องการใช้งาน zkSync Era ลดลง

กลูโชวสกี้ให้ความเห็นว่า “เรากำลังปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว”

zkSync และแนวโน้มในอนาคต

Matter Labs คาดว่าชุมชนของ zkSync จะเริ่มหารือเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของโทเค็น zkSync เพื่อเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจและสร้างโมเดลการกำกับดูแลที่เหมาะสมกับอนาคต

นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า Zero-Knowledge Proofs จะกลายเป็นมาตรฐานหลักของโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนในอนาคต และ zkSync อาจเป็นแพลตฟอร์ม Layer-2 ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางหากสามารถพัฒนาและปรับตัวตามความต้องการของตลาด

บทสรุป

Zero-Knowledge Proofs ถูกมองว่าเป็น โซลูชันสำคัญในการขยายขนาดบล็อกเชน โดย zkSync Era จาก Matter Labs เป็น zkEVM ตัวแรกที่เปิดให้ใช้งานสาธารณะ แม้บริษัทจะเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างองค์กร แต่อนาคตของ zkSync ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตและอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเครือข่าย Ethereum Layer-2

แหล่งที่มา: The Block


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้รายได้จากการขุดบิทคอยน์คงที่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่นักขุดสาธารณะสูญเสียส่วนแบ่งตลาด
บทความถัดไปMantra Chain เปิดตัวโครงการเร่งพัฒนาสินทรัพย์ในโลกจริง โดยได้รับการสนับสนุนจาก Google Cloud