FOMC คืออะไร? ดอกเบี้ยขึ้นหรือลง ไขความลับ FOMC ที่กำหนดทิศทางตลาดคริปโต

5

FOMC (Federal Open Market Committee) คือการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือที่รู้จักกันในชื่อ FED) การประชุมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดนโยบายการเงิน เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยและการควบคุมสภาพคล่องในระบบการเงิน โดยมีเป้าหมายหลักในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา สนับสนุนการจ้างงาน และส่งเสริมความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจ

FOMC

การประชุม FOMC ซึ่งจัดขึ้น 8 ครั้งต่อปี มีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากการตัดสินใจของที่ประชุมสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดการเงิน รวมถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว.

ต่อไปนี้คือเหตุผล รูปแบบการเปลี่ยนแปลงของราคา และตัวอย่างเหตุการณ์ที่ FOMC ส่งผลต่อราคาคริปโต พร้อมแนะนำวิธีรับมือสำหรับนักลงทุน

1. ความเชื่อมโยงระหว่างดอกเบี้ยและการลงทุน

การตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของ FOMC มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมเงินและการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น นักลงทุนมักขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเพื่อถือเงินสดหรือสินทรัพย์ปลอดภัย

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนธันวาคม 2022 FOMC ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ส่งผลให้ Bitcoin (บิทคอยน์) ร่วงจาก $18,000 สู่ $16,500 ในเวลาไม่กี่วัน

2. ผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์

การประกาศของ FOMC ยังส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ (USD) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการกำหนดราคาคริปโต หากดอลลาร์แข็งค่า ราคาคริปโตมักปรับตัวลดลง เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนกันยายน 2022 ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดในรอบ 20 ปี หลังจาก FOMC ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ราคาของ Ethereum (ETH) ลดลงจาก $1,700 เหลือ $1,200 เนื่องจากความเชื่อมั่นในดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง

3. ความเชื่อมั่นของนักลงทุน

คำแถลงของ FOMC มักมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หาก FOMC แสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อ อาจทำให้นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงออกไป

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนมีนาคม 2023 หลัง FOMC ย้ำถึงเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก $28,000 สู่ $26,000 ใน 48 ชั่วโมง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

4. ความผันผวนก่อนและหลังการประชุม FOMC

ก่อนและหลังการประชุม FOMC ราคาคริปโตมักผันผวนสูง เพราะนักลงทุนคาดการณ์ผลการประชุมล่วงหน้าและปรับพอร์ตตามประกาศที่ออกมา

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ก่อนการประชุม FOMC ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นจาก $20,000 ไปที่ $21,500 แต่หลังประกาศขึ้นดอกเบี้ย ราคาลดลงทันทีต่ำกว่า $20,000 เพราะตลาดรับข่าวนี้ไปแล้วก่อนการประชุม

5. การตอบสนองของตลาดต่อคำแถลง (Forward Guidance)

คำแถลงของ FOMC เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาคริปโต เช่น หาก FOMC ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นต่อ ราคาคริปโตมักจะร่วงลง

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนกรกฎาคม 2023 Jerome Powell ระบุว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง ส่งผลให้ราคาของ Ethereum ลดลงทันที 5% ในวันเดียว เนื่องจากนักลงทุนกลัวว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะลดสภาพคล่องในตลาด

6. การปรับตัวของสินทรัพย์ดิจิทัล

ตลาดคริปโตตอบสนองต่อ FOMC ได้รวดเร็ว เพราะมีสภาพคล่องสูงและนักลงทุนทั่วโลกสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง

ตัวอย่างเหตุการณ์:
ในเดือนมกราคม 2023 หลังจาก FOMC ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี Bitcoin ฟื้นตัวจาก $16,500 สู่ $22,000 ภายใน 10 วัน นักลงทุนมองว่าสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและความเสี่ยงลดลง

7. วิธีรับมือกับความผันผวนของราคา

นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนที่เกิดจาก FOMC ด้วยกลยุทธ์ดังนี้:

  • ติดตามปฏิทิน FOMC: ตรวจสอบวันที่ประชุมและคำแถลงสำคัญ
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์: เช่น RSI, MACD เพื่อจับจังหวะการลงทุน
  • กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit: เพื่อลดความเสี่ยง
  • ลงทุนในระยะยาว: เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้น

สรุป

FOMC มีผลกระทบโดยตรงต่อราคาคริปโทเคอร์เรนซีผ่านการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน การเข้าใจผลกระทบนี้ช่วยให้นักลงทุนวางแผนและปรับตัวในตลาดที่มีความผันผวนสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้KuCoin ยอมรับผิดในสหรัฐฯ พร้อมจ่ายค่าปรับเกือบ 300 ล้านดอลลาร์
บทความถัดไปNetflix เผชิญจดหมายหยุดและยุติกรณีสารคดีการปล้นบิทคอยน์ Bitfinex