Funding Fee เป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากการถือสถานะซื้อ (Long) หรือขาย (Short) ในตลาดฟิวเจอร์สแบบ Perpetual Contracts โดยแพลตฟอร์มจะเก็บค่าธรรมเนียมนี้เป็นรอบ เช่น ทุก 8 ชั่วโมงหรือ 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับตลาดที่คุณเลือกเทรด

ค่าธรรมเนียมนี้เป็นกลไกที่ช่วยให้ราคาของสัญญาฟิวเจอร์สใกล้เคียงกับราคาสปอต โดยหากฝั่งใดมีความต้องการมากเกินไป ฝั่งนั้นก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับอีกฝั่งหนึ่ง ด้วยหลักการนี้ ทำให้มีโอกาสในการสร้างกำไรเพิ่มเติมโดยไม่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของราคาเพียงอย่างเดียว
Funding Fee คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Funding Fee เป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ที่ถือสถานะ Long และ Short โดยแพลตฟอร์มจะกำหนดอัตรา Funding Rate เพื่อปรับสมดุลของตลาด
- หาก Funding Rate เป็นบวก → ฝั่ง Long จ่ายให้ Short
- หาก Funding Rate เป็นลบ → ฝั่ง Short จ่ายให้ Long
Funding Rate จะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของนักเทรดในตลาด หากมีการเปิด Long มากกว่าปกติ Funding Rate มักจะเป็นบวก และหากมีการเปิด Short มากเกินไป Funding Rate จะเป็นลบ
1. Arbitrage ระหว่าง Spot และ Futures (“Cash & Carry Trade”)
การทำ Arbitrage เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในการทำกำไรจาก Funding Fee โดยใช้ประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างตลาด Spot และ Futures โดยที่ราคาของสัญญา Futures อาจมีความแตกต่างจากราคาสปอตเพียงเล็กน้อย
วิธีการทำกำไร:
- เปิดสถานะ Long ในตลาด Spot (ซื้อสินทรัพย์จริง)
- เปิดสถานะ Short ในตลาด Futures (ขายฟิวเจอร์ส)
- ถือสถานะจนถึงรอบการจ่าย Funding Fee เพื่อรับค่าธรรมเนียมจากฝั่ง Short
ข้อดี:
- กำไรจาก Funding Fee โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวของราคา
- ลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวของตลาด
ข้อควรระวัง:
- ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มอาจส่งผลต่อกำไร
- Slippage อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหากตลาดมีสภาพคล่องต่ำ
2. เลือกถือสถานะที่ได้ Funding Fee เป็นบวก
กลยุทธ์นี้ใช้หลักการว่า Funding Fee ถูกจ่ายจากฝั่งที่มีแรงซื้อขายมากกว่า หาก Funding Rate เป็นบวก หมายความว่าฝั่ง Long ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ฝั่ง Short ซึ่งเปิดโอกาสให้เราถือสถานะ Short เพื่อรับค่าธรรมเนียม
วิธีการทำกำไร:
- มองหาเหรียญที่มี Funding Rate เป็นบวกสูง
- เปิดสถานะ Short และถือไว้ในช่วงที่ Funding Fee จะถูกจ่าย
- ปิดสถานะเมื่อ Funding Rate ลดลงหรือมีแนวโน้มว่าราคาเหรียญจะกลับตัว
ข้อดี:
- ได้รับค่าธรรมเนียมโดยไม่ต้องหวังให้ราคาลดลง
- ใช้ได้ดีในตลาดที่มีแนวโน้มไซด์เวย์
ข้อควรระวัง:
- หากราคาเหรียญพุ่งขึ้น อาจขาดทุนจากสถานะ Short แม้ว่าจะได้รับ Funding Fee
- ควรหลีกเลี่ยงเหรียญที่มีความผันผวนสูง
3. เทรดตามแนวโน้ม Funding Rate (Mean Reversion)
Funding Rate มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยเมื่อเวลาผ่านไป หาก Funding Rate สูงหรือต่ำผิดปกติ โอกาสที่ราคาจะปรับตัวสวนทางก็มีสูง การเทรดแบบ Mean Reversion จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผล
วิธีการทำกำไร:
- หาก Funding Rate สูงมาก อาจเปิด Short เพราะมักเกิดแรงขายทำกำไร
- หาก Funding Rate ต่ำมาก (ติดลบ) อาจเปิด Long เพราะอาจเกิดการรีบาวด์
- ใช้ตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น RSI หรือ MACD เพื่อหาโอกาสเข้าออกที่แม่นยำ
ข้อดี:
- ใช้หลักสถิติเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร
- สามารถเทรดได้ทั้งฝั่ง Long และ Short
ข้อควรระวัง:
- ตลาดคริปโตมีแนวโน้มโมเมนตัมแรง อาจไม่กลับสู่ค่าเฉลี่ยในทันที
- ควรตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง
4. ใช้ Funding Rate เป็น Indicator สำหรับการเทรด
Funding Rate สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มของตลาดได้ โดยดูจากอารมณ์ของนักลงทุน หาก Funding Rate สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการเก็งกำไรฝั่ง Long มากเกินไป และอาจเกิดแรงขายทำกำไร ในทางกลับกัน หาก Funding Rate ติดลบมาก อาจหมายความว่ามีนักเทรดเปิด Short มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ราคาปรับตัวขึ้น
วิธีการทำกำไร:
- ถ้า Funding Rate สูงมาก → พิจารณาเปิด Short เพราะอาจเกิดแรงขาย
- ถ้า Funding Rate ต่ำมาก → พิจารณาเปิด Long เพราะอาจเกิดการเด้งกลับ
- ใช้ร่วมกับ Indicator อื่นๆ เช่น Bollinger Bands หรือ Fibonacci Retracement
ข้อดี:
- ใช้เป็นตัวช่วยตัดสินใจเข้าซื้อหรือขาย
- สามารถผสมกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ
ข้อควรระวัง:
- ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ข่าวสารตลาด
- ควรใช้การวิเคราะห์แนวรับแนวต้านเพื่อช่วยลดความเสี่ยง
สรุป
Funding Fee เป็นองค์ประกอบสำคัญในตลาดฟิวเจอร์สที่สามารถใช้เป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติมได้ หากคุณเข้าใจวิธีการทำงานของมัน คุณสามารถใช้ประโยชน์จากค่าธรรมเนียมนี้เพื่อสร้างกำไรได้
กลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงมีหลายแบบ เช่น การทำ Arbitrage ระหว่างตลาด Spot และ Futures การถือสถานะที่ได้ Funding Fee เป็นบวก การเทรดตามแนวโน้ม Funding Rate และการใช้ Funding Rate เป็น Indicator สำหรับการเทรด
สิ่งสำคัญที่สุดคือการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบและการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพื่อให้สามารถทำกำไรจาก Funding Fee ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง