เครือข่าย Crypto ATM ในสหรัฐฯ หดตัว หลังวุฒิสมาชิกเสนอร่างกฎหมายป้องกันการฉ้อโกง

4

จำนวน Crypto ATM ในสหรัฐฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเครื่องถูกปิดใช้งานมากกว่า 1,200 เครื่องภายในระยะเวลาเพียงสามวัน ขณะที่ทั่วโลกพบว่ามีการลดลงรวม 1,100 เครื่อง

Crypto ATM หายไปกว่า 1,200 เครื่อง หลังเผชิญแรงกดดันจากกฎหมายใหม่
Crypto ATM หายไปกว่า 1,200 เครื่อง หลังเผชิญแรงกดดันจากกฎหมายใหม่

การปิดตัวของเครื่อง ATM คริปโตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Dick Durbin วุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์ ได้เสนอร่างกฎหมาย Crypto ATM Fraud Prevention Act ซึ่งมุ่งเป้าควบคุมการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นผ่านตู้แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

เนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมาย Crypto ATM Fraud Prevention Act

ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ ผู้ให้บริการ Crypto ATM ต้องติดคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการฉ้อโกง พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันการฟอกเงินและธุรกรรมที่น่าสงสัย นอกจากนี้ ยังให้อำนาจหน่วยงานกำกับดูแลในการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตู้ ATM คริปโตได้อย่างเข้มงวดขึ้น

Durbin ระบุว่า “Crypto ATM ถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับการฉ้อโกงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเราต้องการมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อปกป้องประชาชน”

การเปลี่ยนแปลงของตลาด Crypto ATM ทั่วโลก

แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็น ประเทศที่มีจำนวน Crypto ATM มากที่สุดในโลก โดยมีเครื่องที่เปิดใช้งานอยู่กว่า 29,731 เครื่อง หรือคิดเป็น 79.9% ของทั้งหมดทั่วโลก แต่การปรับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้

ข้อมูลจาก Coin ATM Radar ระบุว่า แคนาดา และออสเตรเลีย ยังคงเป็นตลาดใหญ่รองจากสหรัฐฯ โดยมีจำนวนเครื่อง ATM คริปโตอยู่ที่ 3,085 และ 1,467 เครื่องตามลำดับ

อนาคตของ Crypto ATM ในสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์มองว่าหากร่างกฎหมายนี้ผ่านการอนุมัติ แพลตฟอร์มให้บริการ Crypto ATM อาจต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย และปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น หรืออาจต้องลดจำนวนเครื่องลงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมาย

แม้กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของ Crypto ATM แต่ในระยะยาวอาจช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานและลดปัญหาการฉ้อโกงในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

แหล่งที่มา: Cointelegraph


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้Polygon ตั้งคำถามเกี่ยวกับนิยามบริษัทคริปโตในสหรัฐฯ ท่ามกลางกฎระเบียบที่ไม่ชัดเจน
บทความถัดไปPeter Schiff ยอมรับเหตุผลของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการถือครอง Bitcoin แต่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ XRP