เครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้ามบล็อกเชน THORChain ทำสถิติใหม่ สร้างค่าธรรมเนียมกว่า 5 ล้านดอลลาร์ และมีปริมาณธุรกรรมกว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ หลังจากถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินที่ถูกขโมยจาก Bybit
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจาก Bybit ถูกแฮ็กเป็นมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีรายงานว่ากลุ่ม Lazarus Group ซึ่งเชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ เป็นผู้ต้องสงสัยหลักในเหตุการณ์โจรกรรมครั้งนี้
THORChain ถูกวิจารณ์ว่าเป็นช่องทางฟอกเงินของแฮ็กเกอร์
ธุรกรรมจำนวนมากที่ไหลผ่าน THORChain ทำให้เกิดข้อถกเถียงในชุมชนคริปโตว่าระบบแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (DEX) ควรมีมาตรการคัดกรองหรือไม่
“THORChain เพิ่งช่วยให้เกาหลีเหนือฟอกเงิน 605 ล้านดอลลาร์ ไม่มี KYC ไม่มีการควบคุม ไม่มีมาตรการป้องกัน” นักวิเคราะห์คริปโต Yogi โพสต์บน X
นักวิจารณ์ชี้ว่า THORChain ควร มีมาตรการบล็อกกระเป๋าเงินที่มีความเสี่ยงสูง แต่ทางโปรโตคอลกลับยังไม่มีมาตรการป้องกันในเรื่องนี้
ผลกระทบต่อ THORChain และการลาออกของนักพัฒนา
หลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากชุมชน นักพัฒนา THORChain ได้โหวตให้ บล็อกกระเป๋าเงินที่เกี่ยวข้องกับแฮ็กเกอร์ แต่ภายหลังก็มีการ ยกเลิกมติดังกล่าว ทำให้ Pluto หนึ่งในนักพัฒนาหลักของโปรเจกต์ประกาศลาออก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่ทำงานร่วมกับ THORChain อีกต่อไป” Pluto กล่าวผ่านโพสต์บน X เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
เงินที่ถูกขโมยบางส่วนยังคงไม่สามารถติดตามได้
แม้ว่าจะมีการตรวจสอบธุรกรรมอย่างเข้มข้น Bybit เปิดเผยว่าเงินจำนวน 280 ล้านดอลลาร์จากเหตุแฮ็ก ได้ถูกฟอกจนไม่สามารถติดตามได้อีกต่อไป
แนวโน้มอนาคตและข้อกังวลด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม DeFi
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของ แพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่เปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์ใช้เป็นช่องทางฟอกเงินโดยไม่ต้องผ่านระบบ KYC หรือ AML นักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ DeFi อาจถูกเพ่งเล็งจากหน่วยงานกำกับดูแลมากขึ้นในอนาคต
แหล่งที่มา: Cointelegraph
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
