THORChain แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ ไร้ศูนย์กลาง (DeFi) กำลังเผชิญกับคำวิจารณ์อย่างหนัก หลังมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus Group จากเกาหลีเหนือได้ใช้แพลตฟอร์มนี้ ฟอกเงินจากการโจรกรรมคริปโต

รายงานจาก Elliptic บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus ได้ใช้ THORChain ในการแลกเปลี่ยนคริปโตที่ได้จากการโจรกรรม โดยไม่มีข้อจำกัดจากหน่วยงานกำกับดูแล เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้เป็นแบบกระจายอำนาจและไม่มีการตรวจสอบตัวตน (KYC)
ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเป็นกลางของ DeFi
THORChain ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้ามเชนได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ DeFi อย่างไรก็ตาม โครงสร้างแบบไร้ศูนย์กลางนี้ทำให้ยากต่อการควบคุมการใช้แพลตฟอร์มไปในทางที่ผิดกฎหมาย
นักพัฒนาและผู้สนับสนุนของ THORChain ยืนยันว่าระบบของพวกเขาเป็นเพียงแพลตฟอร์มทางเทคนิค ที่ช่วยให้เกิด การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์แบบอิสระ และไม่สามารถควบคุมว่าใครจะใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อจุดประสงค์ใด
แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล
แม้ว่า THORChain จะไม่มีการกำกับดูแลจากศูนย์กลาง แต่หน่วยงานภาครัฐทั่วโลกเริ่มเพิ่มแรงกดดันต่อแพลตฟอร์ม DeFi ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ตัวอย่างเช่น สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ (OFAC) ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากแฮกเกอร์
นักวิเคราะห์เตือนว่า หากแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง THORChain ไม่สามารถรับมือกับปัญหาการฟอกเงินได้ อาจถูกบังคับให้ปิดตัวหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาล
บทสรุป
THORChain กำลังเผชิญกับข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ความเป็นกลางและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์ม DeFi แม้ว่าจะให้ความเป็นอิสระแก่ผู้ใช้งาน แต่การถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินอาจนำไปสู่แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางของการเงินไร้ศูนย์กลางในอนาคต
แหล่งที่มา: Cointelegraph
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง