ในช่วงเวลาที่เครือข่ายบล็อกเชนหลายแห่งต่างพึ่งพาการสเกลผ่าน Layer-2 อย่างหนัก Solana กลับเลือกเดินทางตรงข้าม ด้วยแนวทาง Layer-1 ที่เน้นประสิทธิภาพและความเร็ว ทำให้เกิดการถกเถียงและยกย่องถึงความสามารถของโครงสร้างนี้ว่าอาจเป็น “Game Changer” สำหรับวงการคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนโดยรวม

Solana กับแนวคิด “Single Global State”
Solana ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักลงทุนมากขึ้น ด้วยแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการรักษาสภาวะเครือข่ายให้เป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก (single global state) ซึ่งแตกต่างจากบล็อกเชนอื่นที่เลือกแยกเครือข่ายหรือแบ่งสเกลออกเป็นหลายเลเยอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
แนวคิดนี้ไม่เพียงทำให้ Solana มี ความเร็วในการทำธุรกรรมระดับสูง แต่ยังช่วยลดความซับซ้อนในการสร้าง dApps และเชื่อมต่อข้อมูลภายในเครือข่ายแบบไร้รอยต่อ
“Solana คือระบบ Layer-1 ที่สามารถสเกลได้โดยไม่ต้องพึ่ง Layer-2 หรือการแยกเชน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน” — เนื้อหาจากรายงาน Coinfomania ระบุ
ประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง และการรองรับ dApps ได้มหาศาล
Solana สามารถประมวลผลธุรกรรมได้กว่า 65,000 รายการต่อวินาที (TPS) ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่เหนือกว่าคู่แข่งหลักหลายเท่า นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและเสถียรมากพอที่จะรองรับแอปพลิเคชันจริง เช่น เกม, การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และ NFT
ในช่วงปีที่ผ่านมา แอปพลิเคชันอย่าง Jupiter, Phantom, Tensor และอื่น ๆ ได้สร้างฐานผู้ใช้บน Solana อย่างแข็งแกร่ง จนกลายเป็นระบบนิเวศที่ดึงดูดนักพัฒนาได้ต่อเนื่อง
การเปรียบเทียบกับ Ethereum และ Layer-2 อื่น ๆ
แม้ Ethereum จะเป็นผู้นำตลาดในแง่ของการพัฒนาแอปแบบ Smart Contract แต่การพึ่งพา Layer-2 อย่าง Arbitrum, Optimism หรือ zkSync กลับนำมาซึ่ง ปัญหาการแยกข้อมูล, ค่าใช้จ่ายสูง และความซับซ้อนในการเชื่อมต่อ
Solana เลือกทางตรงข้ามโดยเสนอการสเกลบน Layer-1 ด้วยสถาปัตยกรรมที่สร้างมาเพื่อรองรับระดับผู้ใช้จำนวนมากอย่างยั่งยืนและไร้รอยต่อ จึงถูกมองว่าอาจเป็น โครงสร้างบล็อกเชนที่พร้อมสำหรับการใช้งานจริงในระดับโลกมากกว่าในระยะยาว
ความยั่งยืนในระยะยาว และความเชื่อมั่นของนักพัฒนา
แม้เครือข่ายจะเคยประสบปัญหา downtime และความไม่เสถียรในช่วงปี 2022-2023 แต่ทีมพัฒนา Solana ได้ดำเนินการอัปเกรดอย่างต่อเนื่อง และลดปัญหาเหล่านี้ลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลัง
การที่ Solana ยังคงยึดแนวทาง “Build everything on Layer-1” ทำให้นักพัฒนาหลายคนมองว่านี่คือแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับแอปจริงได้ในอนาคต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการประสานข้อมูลหลายเชน
สรุป
Solana กำลังสร้างความแตกต่างด้วยแนวคิดที่ชัดเจนในการ สเกล Layer-1 โดยไม่พึ่ง Layer-2 ซึ่งถือเป็นท่าทีที่กล้าหาญแต่มีประสิทธิภาพ การออกแบบเครือข่ายให้รองรับการใช้งานมหาศาลในโครงสร้างเดียว ช่วยให้การพัฒนาแอปและการโอนย้ายข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย หาก Solana ยังคงรักษาทิศทางนี้ไว้ได้ ก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นโครงสร้างหลักของ Web3 ในระยะยาว
แหล่งที่มา: coinfomania.com
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง