นักลงทุนชี้ Layer 2 ทำให้ Ethereum เสียความน่าสนใจในสายตา VC

5

Ethereum กำลังเผชิญความท้าทายด้าน “ความน่าสนใจในเชิงการลงทุน” จากมุมมองของนักลงทุนสาย Venture Capital (VC) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานในระดับ Layer 2 ที่ซับซ้อนมากขึ้น

เทคโนโลยี Layer 2 สร้างความสับสนในโมเดลเศรษฐกิจของ Ethereum
เทคโนโลยี Layer 2 สร้างความสับสนในโมเดลเศรษฐกิจของ Ethereum

VC มอง Layer 2 สร้างความซับซ้อนต่อรายได้ของ Ethereum

Haseeb Qureshi หุ้นส่วนผู้จัดการจากบริษัท Dragonfly Capital ให้ความเห็นว่า Layer 2 ทำให้โมเดลการลงทุนของ Ethereum ยุ่งยากขึ้น โดยในอดีต Ethereum มีความน่าสนใจเนื่องจากทุกกิจกรรมบนบล็อกเชนจะสะท้อนค่าธรรมเนียม (gas fee) กลับมายังเครือข่ายโดยตรง แต่ในปัจจุบันการขยายตัวของ Layer 2 เช่น Arbitrum หรือ Optimism ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมและกิจกรรมต่าง ๆ กระจายออกไปจากเครือข่ายหลัก

“Ethereum กลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถคาดการณ์รายได้ได้ง่ายเหมือนเดิม เพราะรายได้ส่วนใหญ่มาจาก Layer 2 ซึ่งอาจเก็บค่าธรรมเนียมไว้เอง” Qureshi กล่าว

การเปลี่ยนผ่านสู่ Layer 2 กระทบต่อความสามารถในการเก็บรายได้

แม้ว่า Layer 2 จะช่วยขยายขีดความสามารถในการประมวลผลและลดค่าธรรมเนียมของ Ethereum แต่ผลข้างเคียงคือ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เคยไหลเข้า Ethereum โดยตรง กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นบน Layer 2 แทนที่จะเป็น Layer 1 ซึ่งส่งผลต่อการวิเคราะห์มูลค่าระยะยาวของ ETH ในมุมมองของนักลงทุน

Qureshi อธิบายเพิ่มเติมว่า “ในอดีตเรามอง Ethereum เหมือนร้านค้าหรือระบบที่ทุกคนต้องใช้บริการ แต่ตอนนี้ร้านค้ากระจายไปเปิดสาขาอยู่ทั่วทุกแห่งในรูปแบบ Layer 2 และแต่ละสาขาเก็บเงินเอง”

ความคล้ายคลึงกับ AWS: Ethereum ไม่ใช่ระบบผูกขาดอีกต่อไป

Qureshi เปรียบเทียบว่า Ethereum เคยเหมือนกับ Amazon Web Services (AWS) ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ แต่ขณะนี้เริ่มกลายเป็นเพียง “หนึ่งในตัวเลือก” ของโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น โดยแต่ละ Layer 2 ก็เหมือนบริษัทคลาวด์ย่อยที่เติบโตได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพา Layer 1 มากเหมือนเดิม

แม้แนวโน้มระยะยาวดี แต่การลงทุนต้องมองใหม่

แม้ว่านักพัฒนายังเห็นโอกาสระยะยาวในการใช้งาน Ethereum แต่สำหรับนักลงทุนสาย VC ที่ต้องการความชัดเจนในรายได้และโมเดลธุรกิจ การขยายตัวของ Layer 2 กลับทำให้ Ethereum ไม่ตอบโจทย์ในแง่การสร้างผลตอบแทนจากการถือครองเหรียญ ETH

บทสรุป

Ethereum ยังคงเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมบล็อกเชน แต่การเปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างหลายชั้นโดยใช้ Layer 2 ได้ส่งผลให้โมเดลรายได้ของ Ethereum เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องประเมินปัจจัยพื้นฐานใหม่ และปรับมุมมองต่อสินทรัพย์ ETH ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลง

แหล่งที่มา: Cointelegraph


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้ก.ล.ต.ไทย อนุมัติ OKX เดินหน้าธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มรูปแบบในไทย
บทความถัดไปBNB แซงหน้า Solana ขึ้นครองอันดับ 5 ของตลาดคริปโตอีกครั้ง