Tangem บริษัทผู้พัฒนา กระเป๋าคริปโตแบบฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallet) ได้รับ สิทธิบัตรจากสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา (USPTO) สำหรับเทคโนโลยี Private Key Backup ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรองและถ่ายโอน คีย์ส่วนตัว (Private Key) ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีความเสี่ยงจากอุปกรณ์ตัวกลางที่อาจไม่ปลอดภัย
รายละเอียดของสิทธิบัตร
สิทธิบัตรฉบับนี้มีชื่อว่า “System and method for secret information transfer via untrusted intermediate device” ซึ่งอธิบายถึงระบบที่ช่วยให้ กระเป๋าฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallets) ของ Tangem สามารถถ่ายโอน คีย์ส่วนตัว ระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาความปลอดภัยของอุปกรณ์ตัวกลาง เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ
สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยีนี้โดดเด่นคือการใช้ การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) ซึ่งทำให้คีย์ส่วนตัวถูกเข้ารหัสก่อนถูกส่งผ่านอุปกรณ์ตัวกลางที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ไม่หวังดีจะไม่สามารถเข้าถึงหรือดักฟังข้อมูลสำคัญได้
การทำงานของเทคโนโลยี
ระบบของ Tangem ออกแบบมาให้ “Private Key” สามารถถ่ายโอนจากอุปกรณ์ Tangem Card หรืออุปกรณ์เก็บคีย์แบบฮาร์ดแวร์อื่นๆ ไปยังอุปกรณ์ปลายทาง โดยไม่ให้คีย์ส่วนตัวสัมผัสกับอุปกรณ์ตัวกลางโดยตรง
Andrey Lazutkin Chief Technology Officer (CTO) ของ Tangem อธิบายถึงแนวคิดนี้ว่า
“แนวคิดของเราคือการให้การ์ด Tangem สามารถถ่ายโอนคีย์ไปยังการ์ด Tangem อีกใบได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้เป็นตัวกลาง เช่น โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประเภทใด ระบบปฏิบัติการใด หรือแม้แต่หากอุปกรณ์นั้นมีมัลแวร์ฝังอยู่ก็ตาม คีย์ส่วนตัวยังคงปลอดภัยเพราะถูกเข้ารหัสก่อนทำการส่ง”
ระบบดังกล่าวใช้ Elliptic Curve Diffie-Hellman (ECDH) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสระดับสูงที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนคีย์ลับสามารถทำได้โดยไม่ต้องเปิดเผยคีย์นั้นๆ ผ่านเครือข่าย
ความสำคัญของการสำรองคีย์ส่วนตัว
ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลต้องจัดเก็บคีย์ส่วนตัวของตนเอง เนื่องจาก “Not Your Keys, Not Your Coins” ยังคงเป็นแนวคิดหลักของชุมชนคริปโต การสูญเสียคีย์ส่วนตัวหมายถึงการสูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลไปตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม การสำรองคีย์ส่วนตัวแบบดั้งเดิม เช่น การจด Seed Phrase ลงบนกระดาษ หรือ การใช้ไฟล์ดิจิทัลสำรองข้อมูล อาจมีความเสี่ยงสูง เช่น สูญหาย ถูกโจรกรรม หรือถูกแฮ็ก เทคโนโลยีใหม่ของ Tangem ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ โดยทำให้สามารถ ถ่ายโอนคีย์ส่วนตัวระหว่างอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความปลอดภัยของอุปกรณ์ตัวกลาง
ประเด็นความปลอดภัยและข้อกังวล
แม้ว่าระบบของ Tangem จะช่วยให้ Private Key มีความปลอดภัยสูงขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลจากชุมชนคริปโต เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับ Ledger Recover ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำรองคีย์ของ Ledger Hardware Wallet ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่อง “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย”
ที่ผ่านมา Tangem ก็เคยเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัย โดยในปี 2024 มีรายงานว่าผู้ใช้บางรายประสบปัญหาคีย์ส่วนตัวถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจจากช่องโหว่ในแอปพลิเคชันมือถือ ซึ่งบริษัทได้ออกแพตช์อัปเดตและแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
สรุป
การได้รับ สิทธิบัตรเทคโนโลยีสำรองคีย์ส่วนตัว ของ Tangem นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในอุตสาหกรรมคริปโต โดยช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนและสำรองคีย์ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์ตัวกลาง อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตยังคงจับตามองถึงการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริง รวมถึงข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลในระยะยาว
แหล่งที่มา Cointelegraph
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง