สหรัฐฯ เตรียมบังคับผู้ให้บริการคริปโตชดเชยเหยื่อการหลอกลวง: มาตรการปกป้องผู้บริโภคที่อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรม

3

ในความพยายามยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี สำนักคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงินของสหรัฐฯ (Consumer Financial Protection Bureau – CFPB) ได้เสนอแนวทางใหม่ที่กำหนดให้บริษัทคริปโตต้องรับผิดชอบต่อการคืนเงินลูกค้าในกรณีที่เกิดการฉ้อโกงหรือธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต

สหรัฐฯ เตรียมบังคับผู้ให้บริการคริปโตชดเชยเหยื่อการหลอกลวง

มาตรการนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีในสหรัฐฯ และมีผลกระทบต่อบริษัทในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง

การขยายการคุ้มครองในอุตสาหกรรมคริปโต

CFPB กำลังดำเนินการขยายขอบเขตของ กฎหมาย Electronic Fund Transfer Act ซึ่งเดิมมีเป้าหมายปกป้องลูกค้าจากการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้ครอบคลุมถึง Stablecoins และโทเค็นดิจิทัลอื่น ๆ ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน การขยายกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของการใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวัน

“ความเสี่ยงจากการแฮ็กและการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นในโลกคริปโตทำให้เราต้องดำเนินการ” แถลงการณ์ของ CFPB ระบุ

หากกฎหมายนี้ผ่าน บริษัทผู้ให้บริการคริปโตจะต้องรับผิดชอบในการชดเชยลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหรือการแฮ็ก และจำเป็นต้องสำรองเงินทุนหรือใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้น

ความท้าทายทางการเมือง

ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่ง โดยมีที่ปรึกษาที่สนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซีอย่าง Elon Musk และ Vivek Ramaswamy ซึ่งเคยแสดงความเห็นคัดค้านการดำเนินงานของ CFPB อย่างเปิดเผย

Musk เคยกล่าวผ่าน X (Twitter เดิม) ว่า “CFPB เป็นหน่วยงานที่ขัดขวางนวัตกรรม” ในขณะที่ Ramaswamy ระบุว่า CFPB ควรถูกยุบเพื่อให้ระบบการเงินเดินหน้าอย่างอิสระ

แม้จะเผชิญการต่อต้านจากหลายฝ่าย CFPB ยังเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นจากอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ก่อนจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการตามข้อเสนอนี้หรือไม่

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต

หากมาตรการนี้ถูกบังคับใช้ บริษัทคริปโตในสหรัฐฯ จะต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ตั้งแต่มาตรการเพิ่มความปลอดภัยในการป้องกันการแฮ็ก ไปจนถึงการสร้างกองทุนชดเชยในกรณีที่เกิดความเสียหาย

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis ระบุว่าในปี 2024 มีเหตุการณ์แฮ็กในอุตสาหกรรมคริปโตเกิดขึ้นถึง 303 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 282 ครั้งในปีก่อนหน้า มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการโจมตีระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)

“นี่เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกบริษัทคริปโตในสหรัฐฯ ต้องตื่นตัวและเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น” นักวิเคราะห์จาก Chainalysis กล่าว

ความเห็นจากผู้ใช้งานและนักวิเคราะห์

การเสนอให้ผู้ให้บริการคริปโตชดเชยความเสียหายได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย ผู้ใช้งานคริปโตบางส่วนสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยมองว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนบางรายกังวลว่ามาตรการดังกล่าวอาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทคริปโตและส่งผลต่อผลกำไร

บทสรุป

ข้อเสนอของ CFPB ถือเป็นความพยายามในการปกป้องผู้บริโภคและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีในสหรัฐฯ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่มาตรการนี้อาจกลายเป็นแบบอย่างที่สำคัญสำหรับประเทศอื่น ๆ ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

แหล่งที่มา: BeInCrypto


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้แพลตฟอร์ม DeFi ‘Usual’ เผชิญกระแสวิจารณ์: อัปเดตโปรโตคอลทำให้นักลงทุนเทขาย
บทความถัดไปเคนยาร่างกฎหมายควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี: มุ่งสร้างตลาดที่โปร่งใสและปลอดภัย