Heritage Distilling บริษัทโรงกลั่นสุราคราฟต์ที่มีชื่อเสียงในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ได้กลายเป็นโรงกลั่นสุราจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกที่ประกาศยอมรับบิทคอยน์ (BTC) เป็นสินทรัพย์ในคลังและช่องทางการชำระเงิน ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงการผสมผสานคริปโทเคอร์เรนซีกับธุรกิจแบบดั้งเดิมในสหรัฐฯ
Heritage Distilling กับการรับบิตคอยน์
Heritage Distilling เปิดเผยนโยบายใหม่นี้เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2025 โดยบริษัทระบุว่าจะเริ่มรับชำระเงินด้วยบิตคอยน์ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในเร็ว ๆ นี้ “เรามองว่าการรับบิตคอยน์เป็นโอกาสสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ในระยะยาว” ตัวแทนของบริษัทกล่าว
แม้การตัดสินใจครั้งนี้อาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาบิตคอยน์ แต่ Heritage Distilling ยืนยันถึงความพร้อมในการรับมือและมองเห็นโอกาสในอนาคต
การตั้งคณะกรรมการเทคโนโลยีและคริปโทเคอร์เรนซี
การนำบิตคอยน์มาใช้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการเทคโนโลยีและคริปโทเคอร์เรนซี โดยมี Matt Swann อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Nubank ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ Swann ยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Heritage Distilling เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
สถานการณ์ทางการเงินของบริษัท
Heritage Distilling เผชิญความท้าทายทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สามของปี 2024 พบว่ามีรายได้รวม 1.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดทุนสุทธิ 3.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การดำเนินการเพื่อนำบิตคอยน์มาใช้ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการฟื้นฟูฐานะทางการเงินของบริษัท
นักวิเคราะห์ เช่น Matthew Sigel หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck ให้ความเห็นว่า “แม้ว่าการนำบิตคอยน์มาใช้จะน่าสนใจ แต่สถานการณ์การเงินของบริษัทในปัจจุบันทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะสามารถซื้อบิตคอยน์ในปริมาณที่เพียงพอได้หรือไม่”
ตลาดสุราคราฟต์ในสหรัฐฯ
ตลาดสุราคราฟต์ในสหรัฐฯ ยังคงเติบโต โดยข้อมูลจากสมาคมสุราคราฟต์อเมริกัน (American Craft Spirits Association) ระบุว่าในปี 2024 มีโรงกลั่นสุราจำนวน 3,069 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 2,753 แห่ง ในปีก่อนหน้า สุราคราฟต์ครองส่วนแบ่งตลาด 4.6% โดยปริมาณ และ 7.5% โดยมูลค่า แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงเล็กน้อยจากปี 2023 ที่ 7.7%
การนำบิตคอยน์มาใช้ในธุรกิจอื่น ๆ
การนำบิตคอยน์มาใช้เป็นสินทรัพย์คลังและช่องทางชำระเงินไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ เช่น MicroStrategy ที่ถือบิตคอยน์มากถึง 447,470 BTC มูลค่ากว่า 42.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทขนาดเล็กในสหรัฐฯ เช่น Cosmos Health, Acurx Pharmaceuticals และ Worksport ก็เริ่มนำคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและโอกาสในเชิงกลยุทธ์
ตัวอย่างเช่น:
- Cosmos Health ประกาศรวมบิตคอยน์และอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์คลังเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024
- Worksport วางแผนจัดสรรเงินสดส่วนเกินสูงสุด 10% ในบิทคอยน์และ XRP
บทสรุป
การตัดสินใจของ Heritage Distilling ในการยอมรับบิตคอยน์เป็นช่องทางการชำระเงินและสินทรัพย์คลัง แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล การเคลื่อนไหวนี้อาจช่วยดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของคริปโทเคอร์เรนซีในระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม
แหล่งที่มา: Cointelegraph
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง