ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 ส่งผลให้ บิทคอยน์ (Bitcoin) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 91,530 ดอลลาร์ ก่อนฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 95,306 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมลดลงกว่า 700 พันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 4 วัน จาก 3.57 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม เหลือเพียง 2.81 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2024
อะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดร่วง?
สาเหตุหลักของแรงเทขายครั้งใหญ่มาจาก คำสั่งบริหาร (Executive Order) ของ ประธานาธิบดี Donald Trump เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งประกาศ ขึ้นภาษีศุลกากร (tariffs) อย่างหนัก ต่อประเทศคู่ค้าหลายราย ได้แก่
- ภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจาก แคนาดาและเม็กซิโก
- ภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าจาก จีน
- ภาษีเพิ่มเติม 10% สำหรับ พลังงานและน้ำมันจากแคนาดา
มาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าจะรุนแรงขึ้น จนนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ปฏิกิริยาตอบโต้จากนานาชาติ
นโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ได้รับการตอบโต้อย่างรวดเร็วจากประเทศที่ได้รับผลกระทบ
- Claudia Sheinbaum ประธานาธิบดีเม็กซิโก ประกาศมาตรการตอบโต้
- Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีแคนาดา เตรียมใช้มาตรการภาษีตอบโต้ในภาคอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐฯ
- จีน ประกาศว่าจะยื่นเรื่องต่อ องค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อต่อสู้กับมาตรการของสหรัฐฯ
ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญแรงเทขาย ไม่เพียงแต่คริปโต แต่รวมถึงหุ้นและตลาดทุนอื่น ๆ
การล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในตลาดคริปโต
จากข้อมูลของ Coinglass ตลาดคริปโตเผชิญกับหนึ่งใน เหตุการณ์ Liquidation ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่ารวม 2.32 พันล้านดอลลาร์ ถูก liquidate ภายใน 24 ชั่วโมง
- Long positions คิดเป็น 1.93 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนมากเดิมพันว่าตลาดจะไปต่อ แต่ต้องเผชิญกับแรงเทขายที่รุนแรง
- มีเทรดเดอร์กว่า 738,000 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากการล้างพอร์ต
- การ Liquidate ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นที่ HTX เป็นการปิดสถานะ BTC-USDT มูลค่า 38.78 ล้านดอลลาร์
Altcoins ร่วงหนักตามบิทคอยน์
ผลกระทบจากการร่วงของบิทคอยน์ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Altcoins ชั้นนำ
- Ethereum (ETH) ร่วง 16% มาอยู่ที่ 2,326 ดอลลาร์
- XRP ลดลง 16.4% มาอยู่ที่ 1.94 ดอลลาร์
- Dogecoin (DOGE), Cardano (ADA) และ Tron (TRX) ต่างลดลงเป็นเลขสองหลักเช่นกัน
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
ผลกระทบจากแรงเทขายในตลาดคริปโตยังส่งผลต่อตลาดหุ้นในเอเชีย โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
- Metaplanet (ญี่ปุ่น) ลดลง 9.44%
- OSL Group (ฮ่องกง) ลดลง 2.69%
- Boyaa บริษัทที่ถือ Bitcoin มากที่สุดในเอเชีย ลดลง 4.64%
ความรุนแรงของการร่วงครั้งนี้เทียบกับเหตุการณ์ในอดีต
การปรับฐานของตลาดครั้งนี้รุนแรงกว่าหลายเหตุการณ์ในอดีต เช่น
- COVID-19 Crash (มีนาคม 2020): มูลค่าตลาดลดลง 2.9 พันล้านดอลลาร์
- FTX Collapse (พฤศจิกายน 2022): มูลค่าตลาดลดลง 1.6 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวหลังจากนี้
ตลาดกำลังจับตามองว่า การขึ้นภาษีจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ และจะมีมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมจากประเทศคู่ค้าหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดคริปโตในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ตลาดเตือนว่า หากความขัดแย้งด้านภาษีรุนแรงขึ้น บิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อาจเผชิญแรงเทขายเพิ่มเติม ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนมองว่านี่อาจเป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลที่ราคาถูกลง
สรุป
ตลาดคริปโตเผชิญกับ แรงเทขายรุนแรง หลังจาก Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้บิทคอยน์ร่วงลงแตะ 91,530 ดอลลาร์ และมูลค่าตลาดคริปโตหายไปกว่า 700 พันล้านดอลลาร์ ภายในไม่กี่วัน ขณะที่ ตลาดรอคอยผลกระทบจากมาตรการนี้ที่จะมีผลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นักลงทุนยังคงจับตาดูปฏิกิริยาของนานาชาติ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางของตลาดคริปโตในระยะสั้น
แหล่งที่มา: CoinMarketCap
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง