Klarna บริษัทฟินเทคชั้นนำจากสวีเดนที่ให้บริการ ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (Buy Now, Pay Later – BNPL) กำลังเตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ด้วย การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) พร้อมกับขยายบริการด้าน คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมฟินเทค
แผน IPO ของ Klarna และแนวโน้มตลาด
Klarna ตั้งเป้าเปิดตัว IPO ใน ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยคาดว่ามูลค่าของบริษัทอาจสูงถึง 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของบริษัทก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก Klarna ถือเป็นหนึ่งในบริษัทฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
บริษัทเคยมีมูลค่าถึง 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 แต่ลดลงเหลือ 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม Klarna ได้ปรับโครงสร้างองค์กร ลดต้นทุน และมุ่งเน้นการพัฒนา AI และคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อตอบโจทย์ตลาดดิจิทัล
ขยายบริการคริปโทเคอร์เรนซีสู่แพลตฟอร์มหลัก
Klarna วางแผนที่จะให้บริการ ซื้อ-ขาย และถือครองคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับลูกค้าทั่วโลก
บริษัทระบุว่า “การบูรณาการคริปโทเคอร์เรนซีเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างระบบการเงินที่ทันสมัย และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งาน” โดย Klarna คาดว่าการเปิดตัวบริการคริปโตจะช่วยให้บริษัทขยายฐานลูกค้าและแข่งขันกับแพลตฟอร์มฟินเทคระดับโลกได้ดีขึ้น
การเติบโตของ Klarna ในตลาดสหรัฐฯ
ตั้งแต่ Klarna เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2019 บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม BNPL ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ การเพิ่ม บริการคริปโทเคอร์เรนซี จึงอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
นอกจากนี้ Klarna ยังเน้นการพัฒนา AI และระบบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้สินเชื่อ และลดความเสี่ยงด้านเครดิต ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรม BNPL
บทสรุป
Klarna กำลังเดินหน้าสู่ IPO และขยายบริการ คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมฟินเทค บริษัทหวังว่าการเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และดึงดูดนักลงทุนที่สนใจ นวัตกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล
แหล่งที่มา: CryptoSlate
คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง