ศาลบราซิลอนุญาตให้ใช้ NFT เป็นหมายศาล ส่งตรงถึงกระเป๋า Bitcoin คดีฉ้อโกงครั้งใหญ่

3

ผู้พิพากษาในรัฐ Espírito Santo ประเทศบราซิล ได้มีคำสั่งให้สามารถใช้ โทเค็น NFT (Non-Fungible Token) ในการส่ง หมายศาล (subpoena) ไปยัง กระเป๋าเงิน Bitcoin ของผู้ต้องสงสัยในคดีฉ้อโกงทางการเงินระดับสูง มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการใช้ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในกระบวนการยุติธรรม

คดีฉ้อโกงสะเทือนวงการ ใช้ NFT เป็นเครื่องมือเรียกตัวจำเลย
คดีฉ้อโกงสะเทือนวงการ ใช้ NFT เป็นเครื่องมือเรียกตัวจำเลย

การตัดสินใจนำ NFT มาใช้ในระบบศาล

คำสั่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พนักงานสอบสวนไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องสงสัยได้ผ่านวิธีการดั้งเดิม โดยผู้พิพากษาได้อนุมัติให้มีการส่ง NFT ที่บรรจุข้อมูลหมายศาล ไปยังที่อยู่ของกระเป๋า Bitcoin ที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยระบุว่าขั้นตอนนี้จะช่วยให้สามารถติดต่อกับจำเลยในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้พิพากษาระบุว่า “ด้วยการเติบโตของการใช้เทคโนโลยีคริปโต ศาลจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงในยุคดิจิทัล เพื่อรักษาประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม”

รายละเอียดของคดีฉ้อโกง

คดีนี้เกี่ยวข้องกับ การลงทุนหลอกลวงในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของบริษัทที่อ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาลจากการเทรดคริปโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อลงทุนไปแล้ว กลับไม่มีการจ่ายผลตอบแทนตามที่สัญญาไว้ และไม่สามารถถอนเงินได้

เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องสงสัยได้เคลื่อนย้าย Bitcoin จำนวนมหาศาล ไปยังกระเป๋าเงินหลายใบ ซึ่งไม่สามารถเชื่อมโยงกับตัวบุคคลได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องใช้ NFT ที่ฝังข้อมูลทางกฎหมาย ส่งไปยังที่อยู่กระเป๋านั้น

NFT ทำหน้าที่เป็น “หมายศาลดิจิทัล”

บริษัทด้านกฎหมายที่ทำงานร่วมกับทีมสอบสวนได้สร้าง NFT ที่ฝัง ลิงก์สู่เอกสารทางกฎหมายและคำสั่งศาล แล้วส่งไปยัง blockchain address โดยตรง NFT ดังกล่าวไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ และสามารถแสดงให้เห็นต่อสาธารณะว่า “จำเลยได้รับทราบ” แล้วหรือไม่

“นี่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินคดีในยุคที่คริปโตเข้ามามีบทบาท” บริษัทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกล่าวในแถลงการณ์

ก้าวใหม่ของการใช้บล็อกเชนในระบบยุติธรรม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้ NFT เพื่อส่งคำสั่งทางกฎหมาย ก่อนหน้านี้ ศาลในประเทศอังกฤษและสหรัฐฯ ก็เคยอนุมัติให้ใช้ Smart Contract หรือ NFT เพื่อแจ้งเตือนทางกฎหมายไปยังผู้ใช้งานที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ผ่านช่องทางปกติ

ในกรณีของบราซิล การดำเนินการนี้อาจเป็น กรณีศึกษาที่สำคัญ ในการนำบล็อกเชนมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใส และเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงตัวบุคคลในคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล

บทสรุป

การตัดสินใจของผู้พิพากษาบราซิลครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการประยุกต์ใช้ NFT และเทคโนโลยีบล็อกเชนในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในคดีที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล อาจกลายเป็นแนวทางใหม่ที่ศาลในประเทศอื่น ๆ นำไปปรับใช้ในอนาคต เมื่อการเข้าถึงตัวจำเลยในโลกเสมือนจริงกลายเป็นสิ่งท้าทายมากขึ้น

แหล่งที่มา: cryptoslate.com


คำเตือนความเสี่ยง:
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้จัดทำเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง
บทความก่อนหน้านี้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงใน Q1/2025 เป็นไตรมาสแรกที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2018
บทความถัดไปCEO Coinbase เรียกร้องสภาสหรัฐฯ ให้ปลดล็อกดอกเบี้ย Stablecoin เพื่อความเท่าเทียมทางการเงิน